ความรู้สึกเศร้าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ เมื่อเราเจอเรื่องแย่ ๆ หรือต้องสูญเสียใครไป การที่เราจะรู้สึกแย่ก็ถือว่าเป็นเรื่อง ปกติ แต่ถ้าความเศร้านั้นมันหนักหนาและยาวนานเกินจนรู้สึกว่ามันได้เริ่มเข้ามาทำลายการใช้ชีวิตประวันของเรา จนตัวเรานั้นเริ่มรู้สึกว่าไม่ไหว นั่นอาจไม่ใช่แค่ความเศร้าธรรมดา แต่อาจเป็นสัญญาณของ “โรคซึมเศร้า” (Majior Depressive Disorder) ซึ่งเป็นความเจ็บป่วยที่เกิดจากความไม่สมดุลของสารเคมีในสมอง
ลองมาดูกันว่าอาการแบบไหนที่ถือว่าเป็นสัญญาณเตือนว่า ถึงเวลาที่คุณต้องยื่นมือขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญแล้วนะ
9 สัญญาณเตือน! เข้าข่าย “โรคซึมเศร้า” ที่ต้องพบแพทย์
แพทย์จะวินิจฉัยโรคซึมเศร้าเมื่อพบว่าคุณมีอาการหลัก ๆ เหล่านี้เกิดขึ้น เกือบทุกวัน เป็นอย่างน้อย 2 สัปดาห์ โดยมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของคุณอย่างชัดเจน
อาการที่ 1 (ต้องมีอย่างน้อย 1 ใน 2 ข้อนี้)
1. รู้สึกเศร้า หดหู่ หรือท้อแท้เกือบตลอดทั้งวัน (ในเด็กและวัยรุ่น อาจแสดงออกเป็นอาการหงุดหงิด หรือโกรธง่าย)
2. รู้สึกเบื่อหน่าย ไม่อยากทำอะไรที่เคยชอบ ไม่รู้สึกสนุก หรือมีความสุขกับกิจกรรมเกือบทุกอย่างในชีวิต
อาการที่ 2 (มีอาการอื่นๆ ร่วมด้วยอย่างน้อย 4 ข้อ)
3. เบื่ออาหารจนน้ำหนักลดลงอย่างเห็นได้ชัด หรือทานอาหารมากกว่าปกติจนน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น
4. นอนไม่หลับ หลับ ๆ ตื่น ๆ ตลอดคืน หรือกลับกลายเป็นว่า นอนมากเกินไป (หลับเป็นสิบชั่วโมงก็ยังรู้สึกไม่สดชื่น)
5. รู้สึกเชื่องช้า ทำอะไรช้าลงอย่างเห็นได้ชัด หรือรู้สึกกระสับกระส่าย กระวนกระวาย ไม่อยู่นิ่ง
6. รู้สึกหมดเรี่ยวแรง ไม่มีพลัง เหนื่อยง่ายแม้ไม่ได้ทำอะไรหนัก ๆ
7. โทษตัวเอง รู้สึกว่าตัวเองล้มเหลว หรือเป็นคนไม่ดี ไร้ค่า
8. ไม่มีสมาธิในการทำงาน ดูหนัง ฟังเพลง หรือตัดสินใจเรื่องง่าย ๆ ในชีวิตประจำวันไม่ได้
9. มีความคิดอยากตาย ไม่อยากมีชีวิตอยู่ หรือคิดทำร้ายตัวเองซ้ำ ๆ
ถ้า สงสัยว่าเป็นโรคซึมเศร้า ต้องทำอย่างไร
เมื่อเราสงสัยว่ากำลังเข้าข่ายเป็นโรคซึมเศร้าหรือไม่ สิ่งแรกที่ต้องทำคือ การตระหนักว่าสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่นั้น ไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่เป็นความเจ็บป่วยทางสุขภาพจิตที่สามารถรักษาให้หายได้ ในเบื้องต้นลองทำแบบประเมินภาวะซึมเศร้า ( PHQ-9) ของกรมสุขภาพจิตที่สามารถค้นหาได้จากเว็บไซต์ต่าง ๆ หากผลคะแนนของคุณอยู่ในเกณฑ์ “เสี่ยงสูง” หรือ “รุนแรง” และพบว่าอาการเข้าข่ายตาม 9 ข้อข้างต้นและมันรบกวนการใช้ชีวิตของคุณอย่างหนัก อย่ากลัวที่จะพบจิตแพทย์ หรือนักจิตบำบัด
การรักษาโรคซึมเศร้าคือ การรักษา “ความเจ็บป่วย” เหมือนกับการที่เราไปหาหมอเมื่อเป็นไข้หวัด เบาหวาน หรือโรคอื่น ๆ ทั่วไป การได้รับการรักษาที่ถูกต้องคือ จุดเริ่มต้นของการที่เราจะได้กลับมามีชีวิตที่มีความสุขอีกครั้ง
Ranchu center เรามีทีมนักจิตวิทยาที่มีประสบการณ์ พร้อมรับฟังและอยู่เคียงข้างในทุกปัญหาที่คุณกำลังเผชิญ
สอบถามเพิ่มเติมหรือจองคิวปรึกษา ติดต่อเรา