ภาวะหมดไฟในการทำงาน (Burnout Syndrome) เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในยุคปัจจุบัน ส่งผลกระทบต่อทั้งสุขภาพกายและใจของพนักงาน ตลอดจนประสิทธิภาพการทำงานและภาพลักษณ์ขององค์กร บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจภาวะหมดไฟมากขึ้น รู้จักสัญญาณเตือน และเรียนรู้วิธีรับมืออย่างมืออาชีพ
อะไรคือภาวะหมดไฟในการทำงาน
ภาวะหมดไฟในการทำงาน คือ ภาวะที่เกิดจากความเครียด จากการทำงานหนักเกินไป ส่งผลให้พนักงานรู้สึกเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย สูญเสียแรงจูงใจ ขาดความกระตือรือร้นในการทำงาน และมีประสิทธิภาพการทำงานลดลง
สัญญาณเตือนของภาวะหมดไฟในการทำงาน
- ทางด้านร่างกาย รู้สึกเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ ปวดหัว ปวดหลัง ปวดท้อง ภูมิคุ้มกันลดลง
- ทางด้านจิตใจ รู้สึกเบื่อหน่าย ท้อแท้ สิ้นหวัง ขาดความกระตือรือร้นในการทำงาน โกรธง่าย หงุดหงิดง่าย
- ทางด้านพฤติกรรม ขาดสมาธิ ทำงานผิดพลาดบ่อยๆ ทำงานล่าช้า แยกตัวจากเพื่อนร่วมงาน ใช้สารเสพติดหรือแอลกอฮอล์
วิธีรับมือกับภาวะหมดไฟในการทำงาน
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ฝึกเทคนิคการผ่อนคลาย เช่น โยคะ นั่งสมาธิ
- จัดการกับความเครียด หาวิธีจัดการกับความเครียด เช่น พูดคุยกับเพื่อน ฟังเพลง ดูหนัง
- แบ่งเวลาทำงานและพักผ่อน จัดตารางเวลาทำงานและพักผ่อนให้ชัดเจน พักเบรกระหว่างวัน ไม่ทำงานล่วงเวลา
- พูดคุยกับหัวหน้า พูดคุยกับหัวหน้าเพื่อปรับเปลี่ยนภาระงาน ขอความช่วยเหลือ หรือขอลาพักร้อน
- แสวงหาความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ หากไม่สามารถจัดการกับภาวะหมดไฟด้วยตัวเอง ควรปรึกษาแพทย์ นักจิตวิทยา หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต
องค์กรมีส่วนช่วยรับมือกับภาวะหมดไฟของพนักงานได้อย่างไร
- สร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี ปลอดภัย และเป็นมิตร
- จัดสรรงานอย่างเหมาะสม
- ให้การสนับสนุนและให้กำลังใจพนักงาน
- จัดกิจกรรมเสริมสร้างความสุขและความผ่อนคลายให้กับพนักงาน
- มีนโยบายการลาพักร้อนที่ชัดเจน
- จัดอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับภาวะหมดไฟและวิธีรับมือ
ภาวะหมดไฟในการทำงานเป็นปัญหาที่สำคัญ องค์กรและพนักงานควรให้ความสำคัญ และร่วมมือกันป้องกัน และแก้ไขปัญหา เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี และส่งเสริมให้พนักงานมีสุขภาพกาย และใจที่แข็งแรง
Ranchu มีบริการจัดอบรมให้กับพนักงานในองค์กร โดยทีมนักจิตวิทยาที่มีประสบการณ์